ติดต่อเรา
History
Logistics Words
National Task List
Professional Logistics Instructor Certificate : PLIC-LO รุ่น 2
Tlaps Public Training
Seminar
In house Training
Consulting
Resource Person
Activity
Magazine
job Seeking
HOME
About TLAPS
Certification
Training & Consulting
News & Activity
Webboard
HR Logistics
Contact us
02 713 5283
089 662 2553
089 775 5449
02 712 2976
info@tlaps.or.th
ประโยชน์ของมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ
Home
»
Activity
»
ประโยชน์ของมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ
»
ประโยชน์ของมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ
ประโยชน์ของมาตรฐานฝีมือแรงงาน มีดังนี้
มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ หมายถึง ข้อกำหนดทางวิชาการที่ใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับความรู้ ทักษะ และเจตคติในการทำงานของผู้ประกอบอาชีพในสาขาต่าง ๆ ประกอบด้วย
(1) ด้านสถานประกอบการหรือนายจ้าง จะสามารถกำหนดอันดับชั้นของพนักงานโดยอาศัยมาตรฐานฝีมือแรงงานและใช้เป็นแนวทางในการวางแผนพัฒนาบุคลากรหรือคัดเลือกบุคลากรที่เป็นช่างฝีมือเข้าทำงานได้เหมาะสมกับความจำเป็นของงาน
(2) ด้านแรงงานฝีมือหรือผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีฝีมือที่สามารถทำงานได้ดีมากด้วยประสบการณ์ แต่ไม่เคยผ่านการฝึกอบรมด้านช่าง การมีมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติเป็นการเปิดโอกาสให้แรงงานฝีมือเหล่านี้ได้เข้าทดสอบความรู้ความสามารถและทัศนคติในเชิงช่าง
(3) ด้านผู้บริโภค ผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการช่างฝีมือที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ได้ผลงานที่มีคุณภาพ เที่ยงตรง เป็นธรรม เชื่อถือได้
(4) ด้านประเทศชาติ แรงงานฝีมือที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ และเมื่อนานาประเทศเกิดการยอมรับแรงงานฝีมือของประเทศไทย ก็จะส่งผลดีหลาย ๆ ด้าน เช่นความต้องการลงทุนของต่างชาติ การส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เป็นต้น เมื่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศดีขึ้น จะมีผลทำให้แรงงานได้รับค่าจ้างในอัตราที่เป็นธรรมดำรงชีพอยู่ได้ อยู่ดี กินดี สังคมสงบสุข ประเทศชาติมั่นคงต่อไป
(5) ภาคราชการ สามารถใช้มาตรฐานฝีมือแรงงานในการคัดเลือกคนเข้าทำงาน และวางแผนการพัฒนากำลังคน
ตัวชี้วัดการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน
(1) ความรู้ภาคทฤษฎีเพียงพอต่อการปฏิบัติงาน
(2) ทำงานด้วยความปลอดภัย ต่อตนเอง สถานที่และสิ่งแวดล้อม
(3) เลือกใช้และบำรุงรักษาเครื่องมือ ในการทำงานได้อย่างถูกต้อง
(4) ปฏิบัติตามขั้นตอน อย่างถูกต้อง
(5) ใช้วัสดุอย่างถูกต้องและประหยัด
(6) ใช้เวลาปฏิบัติงาน ภายในเวลาที่กำหนด
(7) ผลสำเร็จของงานได้คุณภาพ ตามข้อกำหนด
(6) ใช้เวลาปฏิบัติงาน ภายในเวลาที่กำหนด
มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ
หมายถึง ข้อกำหนดทางวิชาการที่ใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับความรู้ ทักษะและเจตคติในการทำงานของผู้ประกอบอาชีพในสาขาต่าง ๆ ประกอบด้วย
(1) ความรู้ (Knowledge) ซึ่งจำเป็นที่จะต้องนำมาใช้ในการทำงานได้อย่างถูกต้องตาม หลักวิชาการ
(2) ทักษะ (Skills) เป็นการสะสมประสบการณ์จนเกิดความชำนาญ มีความสามารถเพียงพอที่จะทำงานได้อย่างมีคุณภาพตามข้อกำหนด ถูกขั้นตอน และเสร็จตามเวลาที่กำหนดไว้
(3) เจตคติ (Attitude) จะต้องมีจิตสำนึกในการทำงานที่ดีประกอบด้วย จริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพ
ลักษณะการทดสอบ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติเป็นการทดสอบทั้งภาค ความรู้และภาคทักษะ โดยมีเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(1) ภาคความรู้ เป็นข้อสอบแบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก จำนวนข้อสอบประมาณ 50 - 100 ข้อ คะแนนคิดเป็น ประมาณร้อยละ 20 ของคะแนนทั้งหมด ขึ้นอยู่กับสาขาอาชีพที่กำหนด ประกอบด้วยความรู้เรื่องความปลอดภัย ในการทำงานวิธีการใช้และบำรุงรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์ และวัสดุ ความรู้ในงานของสาขาอาชีพนั้น
(2) ภาคทักษะ (ปฏิบัติ) ให้ปฏิบัติตามแบบทดสอบที่กำหนดให้ คะแนนคิดเป็นประมาณ ร้อยละ 80 ของคะแนน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสาขาอาชีพที่กำหนด ประกอบด้วย วิธีการใช้และบำรุงรักษาเครื่องมืออย่างปลอดภัย การใช้วัสดุได้อย่างถูกต้อง ความสามารถในการปฏิบัติงานได้ถูกต้องตามคำสั่ง และเสร็จภายในเวลาที่กำหนด
ระดับมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ
การจำแนกฝีมือแรงงานออกเป็นระดับต่าง ๆ ตามลำดับความยากง่ายของงาน โดยแบ่งออกเป็น
3
ระดับ
ระดับ 1
หมายถึง ผู้ที่มีฝีมือและความรู้พื้นฐานในการปฏิบัติงานที่ต้องมีหัวหน้างานช่วย ให้คำแนะนำหรือช่วยตัดสินใจในเรื่องสำคัญเมื่อจำเป็น
ระดับ 2
หมายถึง หมายถึง ผู้ที่มีฝีมือระดับกลาง มีความรู้ความสามารถ ทักษะและการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ได้ดีและประสบการณ์ในการทำงานการสามารถให้คำแนะนำผู้ใต้บังคับบัญชาได้คุณภาพงานสูง
ระดับ 3
หมายถึง ผู้ที่มีฝีมือระดับสูง สามารถวิเคราะห์ วินิจฉัยปัญหา การตัดสินใจ รู้ขั้นตอนกระบวนการของงานเป็นอย่างดี สามารถช่วยแนะนำงานฝีมือผู้ใต้บังคับบัญชาได้ดีสามารถใช้หนังสือคู่มือ นำความรู้และทักษะมาประยุกต์ ใช้กับเทคโนโลยีใหม่ได้ โดยเฉพาะการตัดสินใจและเลือกใช้วิธีที่เหมาะสม
ที่มา : กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน